ผลผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย+ผักปลอดสารพิษ Good Agricultural Practice+Organic Vegetables

 

ผลผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย นวัตกรรมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์

            การไม่มีโรค คือ ลาภอันประเสริฐ แม้ว่าวันนี้เราจะมีวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตยืนยาวขึ้น แต่การเจ็บป่วยจากโรคอันมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากพฤติกรรมและการบริโภคก็มิได้น้อยลง ปัจจุบันผู้คนทั่วโลกรวมทั้งบ้านเราให้ความสำคัญมากขึ้นกับการดูแลรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาหารการกิน กระแสของอาหารปลอดภัย ปลอดสารพิษ ปลอดสารเคมี อาหารจากวิถีธรรมชาติ เริ่มเป็นที่ได้รับความนิยมและสนับสนุนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้รักสุขภาพ ผู้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผู้ป่วยและผู้สูงวัย ทำให้ตลาดของอาหารปลอดสารทุกวันนี้เริ่มคึกคัก ในซุปเปอร์มาเก็ต ร้านสุขภาพบางแห่ง หรือตลาดสดทั่วไป เราจะพบผัก ที่ติดป้ายหรือในบรรจุภัณฑ์ที่บอกว่า ปลอดสารพิษ อนามัย หรือออร์แกนิก ความหลากหลายเหล่านี้ก่อให้เกิดความสับสนในผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าผลผลิตเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไร       ผลผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยของเรา คือ  ผลผลิตประเภทพืชผัก ผลไม้ ทั้งสดและแปรรูป ที่ไม่มีสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ หรือ มีตกค้างอยู่ไม่เกินระดับมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 163 พ.ศ.2538 ลงวันที่ 28 เมษายน 2538  เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง

 

 

 การปลูกพืชผักปลอดภัยจากสารพิษ

   1.ทำให้ได้พืชผักที่มีคุณภาพ ไม่มีสารพิษตกค้าง เกิดความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค

   2.ช่วยให้ผู้ปลูกพืชผักปลอดภัย มีสุขภาพอนามัยดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช

   3.ลดต้นทุนการผลิต ในการซื้อสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช

   4.ลดปริมาณสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่จะปนเปื้อนเข้าไปในอากาศและนํ้า เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดมลพิษของสิ่งแวดล้อมได้ทางหนึ่ง

 

               ผลผลิตของเรา

                 รหัส : R 001

ข้าวไรซ์เบอรี่ Rice Berry

เป็นผลการพัฒนาพันธุ์ข้าวข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลกับข้าวขาวดอกมะลิ 105  โดย  ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าวฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดี  และให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค  เป็นข้าวที่มีคุณสมบัติดี  ครบถ้วนตามลักษณะพันธุ์ เมล็ดเรียวยาว  สีม่วงเข้ม  มีกลิ่นหอมมะลิ  น่ารับประทาน  เป็นข้าวเพื่อสุขภาพ  มีคุณสมบัติเด่นทางด้านโภชนาการ ทางการแพทย์ยังนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์อาหารโภชนบำบัด  จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้รักสุขภาพ   มีจำหน่ายแล้วที่... ศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเองแบบยั่งยืน  หมู่ 2 ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี   ร้านเซเว่นซุปเปอร์ (ตลาดบนเมือง) ร้านส้มฟักแม่สมพร (ตลาดบนเมือง) ร้านอาหารแพบ้านริมน้ำ (วัดเชิงท่า) ร้านสามอนงค์ เบเกอรี่-กาแฟสด (หน้าพระนารายณ์ ราชนิเวศน์)

New species of rice resulting from crossing between the black jasmine rice and white jasmine rice 105. It is dark purple, slender grains and tender. It can be grown throughout the year, high yield, resistance to disease and burns. Nutrition outstanding Lopburi Rice Berry is a substance high in antioxidants,including beta carotene, gamma oryzanol, vitamin E, tannins, zinc, folate. On step of the production process with organic controlled and monitored by the production of safe food...that are well suited to be used for nutrition products...another alternative for the health… make life bright, without disease.

  

Milk Berry & MIX Berry : Healthy Products which production of rice berry, soy, sesame and honey...
make your breakfast ... a good start with the complete nutritional value
 

 ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จากส่วนผสมของข้าวไรท์เบอรี่ ถั่วเหลือง งาดำ และน้ำผึ้งแท้  ทำให้อาหารมื้อเช้าของคุณวันนี้ ... เป็นการเริ่มต้นที่ดีด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สมบูรณ์ ครบถ้วน 

 

 ผักปลอดสารพิษ Organic Vegetables  รหัส : OV 001 

ผักกาดหอม (ผักสลัด - leaf lettuce/Iceberg lettuce)

ประโยชน์ของผักกาดหอม เป็นที่รู้จักกันดีกลุ่มของอาหารจำพวกยำต่าง ๆ และคุณผู้หญิงที่รักษาหุ่นก็คงจะต้องคุ้นเคยกับอาหารจำพวกผักสลัด    เป็นของธรรมดาเพราะว่าคุณผู้หญิงหลาย ๆ คนใช้ในการลดความอ้วน

เรดโอ๊ต Red Oak                                                         กรีนโอ๊ต Green Oak          

          
 
 
เป็นผักตระกูลสลัดใบมีสีแดงเข้มและเขียวเข้มแล้วแต่สายพันธุ์ มีกากใยอาหารมากช่วยล้างผนังลำไส้ กำจัดพวกไขมันและอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งในลำไส้ได้  ส่วนใหญ่จะทานสด ทำเป็นสลัด เป็นเครื่องเคียงในยำ ทานคู่กับแหนมเนือง    จะอร่อยมาก รสชาดคล้ายผักกาดหอมแต่จะหวานกว่า
   

 ผักบุ้งจีน Thai Water Convolvulus,            Morning glory, Water spinach,               Water morning glory       

เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ที่เรามักจะคุ้นเคยกันมาตลอดว่า  มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา แต่จริงๆ แล้วผักชนิดนี้ยังมีประโยชน์มากกว่านั้น เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญๆ

 ผักชี Coriander

สรรพคุณทางยาที่มีอยู่ในผักชี คือ ช่วยขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเสมหะ แก้ปวดหัว แก้ไอ แก้หวัด และลดไข้ คุณค่าสารอาหารอย่างแคลเซียม โพแทสเซียม   และเส้นใยอาหาร ยังทำให้การกินผักชีได้ประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งดีต่อกระดูก ระดับความดันโลหิต และระบบขับถ่าย

 

   

         ผักกาดเขียวปลี leaf mustard หรือ       Chinese mustard green 

ผักกาดเขียวปลี  หรือที่เรียกว่า ผักกาดดอง เป็นผักกาดที่ปลูกกันมานาน  นิยมนำมาดอง ไม่นิยมรับประทานสดเพราะมีรสขม แม้แต่ต้มสุกแล้ว ก็ยังไม่หายขม แต่จะมีคุณภาพดีหลังจากดองเค็มแล้วเพราะจะกรอบ เปราะ ไม่ยุ่ยเปื่อย

 

 ผักคะน้า Kai-Lan (Gai-Lan), Chinese Broccoli, Chinese Kale

คะน้ามีวิตามินหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และยังมีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้น และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคมีความแข็งแรงสมบูรณ์  นอกจากนี้ ยังมีแคลเซี่ยมช่วยเสริมสร้างกระดูก มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือ วิตามินซีและเบต้า-แคโรทีน ซึ่งร่างการจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่มีผลต่อการบำรุงสายตา เสริมสร้างสุขภาพผิวพรรณ และต้านทานการติดเชื้อ คะน้าให้โฟเลตและธาตุเหล็กสูง สารทั้งสองชนิดนี้จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง

   

 กวางตุ้งฮ่องเต้ Pak Chai

ก้านใบมีสีเขียวอ่อน ลักษณะแบน ส่วนโคนก้านใบจะขยายกว้างมากและหนา เนื้อกรอบ ปลายใบมน ไม่ห่อหัว เป็นผักที่มีวิตามินสูง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินเอ วิตามินซี   นอกจากนั้น ยังมีธาตุอาหารพวกแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง นิยมนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ ผัดน้ำมันหอย หรือต้มเป็นแกงจืด รสชาติหวาน และกรอบ

 กวางตุ้ง

ผักกวางตุ้งมีคุณประโยชน์ คือ มีวิตามินซี แคลเซียมสูง และเบต้าแคโรทีน มาก จึงช่วยบำรุงสายตาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้ดี แม้ผักกวางตุ้งจะมีคาร์โบไฮเดรตด้วย แต่ก็มีไขมันต่ำมากทั้งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวจึงไม่มีพิษภัยใด ๆ ผักกวางตุ้งยังให้กากใยอาหารทำให้ถ่ายคล่องอีกด้วย

 

  ถั่วฝักยาว yard long bean  ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ๆ หลายชนิดไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินบี ธาตุเหล็ก ซัลเฟอร์ ฟอสฟอรัส
และโพแทสเซียม และที่สำคัญยังเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามินซี โฟเลต
แมกนีเซียมและแมงกานีสอีกด้วย ซึ่งนับว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายเลยทีเดียว

 

 
น้ำดอกอัญชัญ  Butterfly pea หรือ Blue pea  มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดขนาดเล็ก     ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมและนัยน์ตามากขึ้น ลดอาการของโรคทางสายตา แก้ตาฟาง ตาแฉะ ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ
 
  หลากหลายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบทางธรรมชาติ (ผัก ผลไม้ ดอกไม้) ไม่มีสารพิษเจือปน สะอาด ปลอดภัย ให้คุณค่าทางอาหารและเป็นโภชนบำบัด
 

มะเขือเทศราชินี  tomato     สีแดงของมะเขือเทศมีสารไลโคปีน หรือแคโรทีน  ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก   มีฤทธิ์ยับยั้งการทำลายของอนุมูลอิสระ   และยังเป็นแหล่ง ที่ดีของโพแทสเซียมและเบต้าแคโรทีน อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินอี  และให้พลังงานต่ำ มะเขือเทศ น้ำหนัก 150 กรัม ให้พลังงานเพียง 20 กิโลแคลอรี่  เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

 
   
                                    
ชมพู่น้ำดอกไม้  Syzygium jambos
 

ชมพู่น้ำดอกไม้ หรือชื่ออื่น ๆ เช่น ชมพู่โรสแอปเปิล แอปเปิลมาเลย์ พลัมมาลาบาร์ จามบู ชามพัคกา และโพมาโรสา  เป็น  ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่พัฒนาสายพันธุ์มาจากอินเดีย ผลมีรสหวานหอมมีน้ำเยอะลักษณะคล้ายลูกแพร์     ผล - ใช้ปรุงเป็นยาหอม ชูกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ลมปลายไข้ เปลือก, ต้น และเมล็ด - แก้เบาหวานและแก้ท้องเสีย   ประโยชน์ : ใช้ผลปรุงเป็นยาหอม ชูกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ลมปลายไข้ เปลือก ต้น และเมล็ด แก้เบาหวานและแก้ท้องเสีย

     

 

 

 

                 

 

ผลผลิตแปรรูป "กล้วยตากกางมุ้งdried banana/sun-dried banana 

กล้วยน้ำหว้าพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อพระราชทาน  “namwa” banana        มีประโยชน์บำรุงร่างกายและดูแลสุขภาพ     กล้วยน้ำว้า เป็นผลไม้ไทย ๆ ที่มีมาแต่โบราณแล้ว   คนไทยทุกคนเกิดมาก็ต้องรู้จักกล้วยน้ำว้าเป็นอย่างดี      และถือว่ากล้วยน้ำว้า มีความสำคัญมาก    ขนาดเวลาบวชพระกล้วยยังเป็นผลไม้สำหรับการฉลองพระใหม่   เนื่องจากกล้วยน้ำว้าทำให้เขาได้เติบโตมาได้ก็เพราะกล้วยน้ำว้านี่เอง       และด้วยกรรมวิธีผลิตตามแนวคิด นวัตกรรมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์    "กล้วยตากกางมุ้ง"   จึงไม่มีสารพิษเจือปน อร่อย สะอาด ปลอดภัย.. ให้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน

 
     
 
 
   

 

contact to "The Little Lopburi Village"  Tel 089 081 4923

  

 เก็บตกสาระมาบอกเล่า
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (Cashew Nut) อุดมไปด้วย  ธาตุทองแดง  จึงช่วยบำรุงเส้นผมและผิวหนังได้เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ หลอดเลือด      และโรคเกี่ยวกับทรวงอกได้ ป้องกันโรคมะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด มีธาตุแมกนีเซียมในปริมาณมาก จึงช่วยบำรุงสุขภาพเหงือก สุขภาพฟันและกระดูกให้แข็งแรง ลดความดันโลหิต ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้ ลดและป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม  
งาดำ (Black Sesame Seeds)   มีคุณค่าและคุณประโยชน์ต่อมนุษย์มากชนิดหนึ่ง อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่หลายชนิดที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ในเมล็ดงามีโปรตีนถึง 20%  แต่เป็นโปรตีนชนิดที่ถั่วเหลืองไม่มี ดังนั้น คนที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ และต้องการโปรตีนครบถ้วน ควรบริโภคถั่วเหลืองและงาควบคู่กันไป

งาดำ อุดมไปด้วยวิตามินบี จึงช่วยบำรุงประสาท การรับประทานงาเป็นประจำ จะทำให้หลับสบายไม่อ่อนเพลีย ไม่เป็นโรคเหน็บชา หรืออาการปวดเส้นตามแขนขา ช่วยให้เจริญอาหาร และท้องไม่ผูกด้วย ทั้งยังช่วยควบคุมโคเลสเตอรอล

 
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง (Honey) นั้นหลากหลายเพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของน้ำตาลและสารประกอบอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟรุกโทสกับกลูโคส และมีวิตามินและแร่ธาตุผสมอยู่ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี เป็นต้น สำหรับสารประกอบอื่นๆที่มีอยู่ในปริมาณเพียงน้อยนิดนั้นจะเป็นสารที่ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหลัก  
เม็ดแมงลัก Lemon basil  ใช้เป็นตัวช่วยลดความอ้วน เพราะลดระดับคอเลสเตอรอลได้ ด้วยมีสรรพคุณในการเปลี่ยนคอเลสเตอรอลไปเป็นกรดน้ำดี และยังช่วยเพิ่มการขับออกของกรดน้ำดีด้วย ซึ่งจะไปลดเฉพาะคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) แต่ไม่มีผลใดๆกับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)   ลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจ  เป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะช่วยทำให้การดูดซึมของน้ำตาลลดลง เนื่องจากเม็ดแมงลักทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ช้าลงอยู่แล้ว

ข้อควรระวัง : การรับประทานเม็ดแมงลักในปริมาณมากๆ อาจจะเกิดอาการแน่นท้องรู้สึกไม่สบายตัวได้  การรับประทานเม็ดแมงลักในขณะที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ อาจจะเกิดการดูดน้ำจากกระเพาะอาหารทำให้เม็ดแมงลักจับตัวกันเป็นก้อนและอุดตันในลำไส้ ซึ่งอาจทำให้ท้องผูกได้เช่นกันถ้ารับประทานแบบผิดวิธี ไม่ควรรับประทานเม็ดแมงลักพร้อมกับกับยาอื่นๆ เพราะจะมีผลทำให้ร่างกายดูดซึมยาเหล่านั้นได้ไม่ดีและน้อยลง

 
ลูกเดือย (Adlay, Adlay millet, Job’s tears)        สรรพคุณใช้เป็นยาอายุวัฒนะ  บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส บำรุงสายตา บำรุงเส้นผมให้เจริญเติบโตดีขึ้น บำรุงสมอง    ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งยับยั้งการเกิดเนื้องอก เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย  บำรุงกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน
 ฟักทอง แบ่งออกเป็นสองตระกูล คือ ตระกูลฟักทองอเมริกัน (Pumpkin) จะมีผลใหญ่ เนื้อยุ่ย และตระกูลสควอช (Squash) ซึ่งได้แก่ฟักทองไทยและฟักทองญี่ปุ่น โดยฟักทองไทยนั้น ผิวของผลขณะยังอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีเหลืองสลับเขียว ผิวขรุขระเล็กน้อยโดยเปลือกจะมีลักษณะแข็งเนื้อในมีสีเหลือง พร้อมด้วยเมล็ดสีขาวแบนๆ ติดอยู่  ประโยชน์ของฟักทอง นั้นมีหลากหลายเพราะฟักทองอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุแมงกานีส ธาตุเหล็ก ซิงค์ เป็นต้น 

ฟักทอง ยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะฟักทองมีกากใยที่สูงมาก มีแคลอรี่และไขมันน้อย จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความอ้วนและควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพียงแค่รับประทานฟักทองหนึ่งถ้วยหรือ 3 กรัมจะทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น

ฟักทอง แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่การรับประทานอย่างไม่เหมาะสมก็เป็นโทษได้ เช่น เพราะฟักทองมีฤทธิ์อุ่น จึงไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่กระเพาะร้อน เช่น ผู้ที่มักมีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก มีแผลในช่องปาก เหงือกบวมเป็นประจำ เป็นต้น ซึ่งผู้ที่มีอาการเหล่านี้ไม่ควรรับประทานฟักทองในปริมาณที่มากเกินไปหรือบ่อยเกินไป แม้กระทั่งในคนปกติเองก็ตามก็ไม่ควรรับประทานอย่างไร้สติ เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้

ทานตะวัน (Sunflower, Sunchoke)  มีชื่อท้องถิ่นว่า บัวทอง บัวตอง ทานตะวัน (ภาคเหนือ), บัวผัด บัวทอง (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ), ชอนตะวัน ทานตะวัน (ภาคกลาง), ทานหวัน (ภาคใต้), เซี่ยงยื่อขุย เซี่ยงยื้อขุย (จีนกลาง), เหี่ยงหยิกขุ้ย (จีนแต้จิ๋ว) เป็นต้น   การที่มีชื่อเรียกว่า “ทานตะวัน” นั่นเป็นเพราะลักษณะการหันของช่อดอกและใบนั้น จะหันไปในทางทิศของดวงอาทิตย์ โดยในตอนเช้าจะหันไปทางทิศตะวันออก และในช่วงเย็นจะหันไปทางทิศตะวันตกตามดวงอาทิตย์ แต่การหันจะลดน้อยลงเรื่อยๆ หลังมีการผสมเกสรแล้วไปจนถึงช่วงดอกแก่ ซึ่งช่อดอกจะหันไปทางทิศตะวันออกเสมอ  น้ำมันจากเมล็ดทานตะวัน มีรสร้อน สามารถช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้ ใบทานตะวันมีรสเฝื่อนเป็นยาแก้เบาหวาน  เมล็ดช่วยลดความดันโลหิต ช่วยทำให้อวัยวะภายในร่างกายชุ่มชื้น  และสรรพคุณทางยาอีกหลายโรค ฯลฯ
วุ้น (agaragar)

วุ้นเป็นสารประเภทคาร์โบไฮเดรต  ซึ่งสกัดจากสาหร่าย หรือชนิดที่อาจสกัดจากต้นไม้ จุลินทรีย์ มีชื่อเรียก ต่างกันไป เช่น คาร์ราจีแนน (carrageenan)แซนแทนกัม(xanthangum) เป็นต้น วุ้นทำขนมมี ๒ ชนิด คือ ชนิดผงและชนิดเส้น ชนิดเส้นมีลักษณะคล้ายเชือกฟาง ขาวใสเส้นยาว แต่ไม่ใช่ชนิดเดียวกับที่ทำแกงจืด วิธีการใช้ก็คือ ล้างด้วยน้ำสะอาดให้หมดผงแล้วแช่น้ำสักครู่ พอให้เส้นพองขึ้น แล้วนำไปเคี่ยว ส่วนวุ้นชนิดผงลักษณะเป็นผงสีขาวนวล บรรจุในถุงพร้อมใช้สะดวก  ประโยชน์ คือ ใช้เป็นอาหาร ประเทศที่นิยมนำสาหร่ายวุ้นมาบริโภคเป็นอาหาร ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ ไทย และ เวียดนาม ซึ่งคุณค่าทางอาหารที่ได้จากสาหร่าย ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ โดยเฉพาะธาตุไอโอดีนและวิตามิน

 
บเตย หรือ เตยหอม หรือ ใบเตยหอม (Pandan Leaves, Fragrant Pandan, Pandom wangi)     สรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น และช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ (น้ำใบเตย) การดื่มน้ำใบเตยจะช่วยดับกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี เพราะใบเตยมีกลิ่นหอมเย็นทานแล้วจึงรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งตามตำรับยาไทยได้มีการนำใบเตยหอม 32 ใบ, ใบของต้นสัก 9 ใบ นำมาหั่นตากแดด แล้วนำมาชงเป็นชาดื่มอย่างน้อย 1 เดือน หรือจะใช้รากประมาณ 1 กำมือนำมาต้มกับน้ำดื่มเช้าเย็นก็ได้เหมือนกัน (ใบ,ราก)  ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ช่วยดับพิษร้อนภายในได้เป็นอย่างดี ใช้เป็นยาแก้กระษัย (ต้น,ราก) ยาขับปัสสาวะ  
มะเฟือง (Star Fruit)

ประโยชน์ของมะเฟือง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยในการขับพิษและพยาธิในร่างกาย เมื่อนำดอกมะเฟืองมาต้มเป็นน้ำดื่ม  มีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลายความเครียด บรรเทาอาการฟุ้งซ่าน  มีฤทธิ์ในการกล่อมประสาทช่วยให้นอนหลับได้สบายขึ้น ควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นไปอย่างปกติสม่ำเสมอ ป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน ยาแก้ร้อนใน ช่วยดับกระหาย ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย ถอนพิษไข้ ขับเสมหะ  ป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง ลดความอ้วนหรือช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด  แต่เนื่องจากมะเฟืองมีกรดออกซาลิกในปริมาณที่สูงการได้รับสารนี้เข้าไปในร่างกายปริมาณมาก สามารถเพิ่มโอกาสเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้ เมื่อสารนี้จะไปจับตัวกับแคลเซียมจะตกเป็นผลึกนิ่วในไต เมื่อผลึกนิ่วจำนวนมากเกิดการตกตะกอน จะทำให้เกิดการอุดตันในเนื้อไตและท่อไต ทำให้ไตวายเฉียบพลันได้

 
มะขาม (Tamarind)

ประโยชน์และสรรพคุณของมะขามนั้น  มีมากมายและจัดว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและยังมีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาโรคอีกด้วย โดยในส่วนที่นำมาใช้เป็นยาจะเป็นเนื้อฝักแก่(มะขามเปียก) เปลือกของลำต้น(ทั้งสดและแห้ง) และเนื้อในเมล็ด โดยสามารถช่วยรักษาได้หลายโรค เช่น เป็นยาขับเสมหะ แก้อาการท้องเดิน บรรเทาอาการท้องผูก ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ เป็นต้น  มะขามยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างวิตามินซี วิตามินบี2 วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เป็นต้น

 

เม็ดบัว คือธัญพืชที่ให้คุณค่าสารอาหารสูง ทานได้ทั้งสดและแห้ง มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบมากกว่าข้าว 3 เท่า (ประมาณ 23%) เป็นแหล่งรวมของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซี อี เกลือแร่ และฟอสฟอรัส วิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาท บำรุงไต บำรุงสมอง มีสรรพคุณทางยาในการรักษาอาการท้องรวง บิดเรื้อรัง น้ำอสุจิเคลื่อน (น้ำกามออกไม่รู้ตัว) และสรรพคุณพื้นบ้านที่ใช้เป็นยาบำรุงเลือดหรือเพิ่มเลือด ส่วนดีบัว (ต้นอ่อนที่อยู่ในเม็ดบัว มีรสขม) ยังช่วยลดความดันโลหิตสูง เพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ ช่วยขยายหลอดเลือด แก้กระหาย และอาเจียนเป็นเลือด เป็นต้น

 

ข้าวโพด (Corn) มี 5 ชนิด คึอ  1. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือข้าวโพดไร่ (Field Corn)  2. ข้าวโพดหวาน (Sweet Corn) 3. ข้าวโพดคั่ว (Pop Corn) 4. ข้าวโพดแป้ง (Flour Corn) 5. ข้าวโพดเทียน (Waxy Corn) ประโยชน์ของข้าวโพด

1. คาร์โบไฮเดรท ข้าวโพดจัดเป็นอาหารจำพวกแป้งเช่นเดียวกันกับข้าว ซึ่งช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย ในเนื้อในของเมล็ดข้าวโพดที่แก่จัด จะมีสารอาหารคาร์โบไฮเดรทประมาณร้อยละ 72 จึงจัดเป็นอาหารจำพวกแป้งที่ให้พลังงานสูง

2. โปรตีน ข้าวโพดมีโปรตีนเป็นองค์ประกอบประมาณร้อยละ 4 โปรตีนในข้าวโพดมีประโยชน์ต่อร่างกายน้อย เพราะขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ ไลซีน และทริบโตแฟน ดังนั้น จึงควรรับประทานข้าวโพดร่วมกับถั่วเมล็ดแห้ง เพื่อให้ข้าวโพดมีคุณค่าทางอาหารมากขึ้น                                              

3. เกลือแร่ มีบทบาทและหน้าที่สำคัญในร่างกายหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย และข้าวโพดก็มีส่วนประกอบของเกลือแร่ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกายด้วยเช่นกัน ซึ่งเกลือแร่พบได้มากในหมู่ของแคลเซียมซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม หรือในผักใบเขียวต่างๆ ซึ่งหากเราไม่ชอบรับประทานข้าวโพดจะหันไปดื่มนมแทนก็ได้เกลือแร่และแคลเซียมเหมือนกัน                                                                                                                                 4. ไขมัน เมล็ดข้าวโพดที่แก่จัดมีไขมันอยู่ประมาณร้อยละ 4 เมื่อนำข้าวโพดไปผลิตเป็นน้ำมันข้าวโพด ใช้ประกอบอาหารจะได้น้ำมันที่ประกอบไปด้วยกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเป็นส่วนใหญ่ โดยมีกรดไลโนเลอิก 50% และกรดโอเลอิก 37% ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้จะมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย คือจะช่วยควบคุมระดับคลอเลสเตอรอลให้เป็นปกติ                                                   

5. วิตามิน ทุกสายพันธุ์ของข้าวโพดจะมี วิตามินC แต่ วิตามินA จะมีเฉพาะในสายพันธุ์ที่มีเมล็ดสีเหลืองเท่านั้น วิตามินA จะอยู่ในรูปเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ สารคาโรตีนอยช่วยป้องกันตาเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี 1 และวิตามินบี 2            

6. เส้นใยอาหาร หรือที่เรียกว่า ไฟเบอร์ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการขับถ่าย หากเราไม่ค่อยได้ทานอาหารจำพวกนี้ เราจะทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดมาจากพืชที่มีกากใยอาหารแทนก็ได้

 
ถั่วเหลือง (soybean) เมื่อนำผลิตเป็นนมถั่วเหลือง นับว่าเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ ประกอบด้วยสารอาหารทั้ง 5 หมู่ คือ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบโฮเดรต, เกลือแร่และวิตามิน โดยเฉพาะโปรตีน ที่มีอยู่สูงซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ถั่วเหลือง เป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูง เมื่อเทียบกับอาหารโปรตีนชนิดอื่น โปรตีน ในนมถั่วเหลือง คือ โปรตีนโกลบูลิน (Globulin)ที่เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสมบูรณ์เนื่องจากประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ครบ 10 ชนิด ร่างกายสามารถย่อย และดูดซับโปรตีนไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
ถั่วเขียว (Mung Bean, Mung, Moong bean, Green Bean, Green Gram, Golden Gram (กรณีที่เยื่อหุ้มเมล็ดเป็นสีเหลือง) จัดอยู่ในวงศ์ FABACEAE เช่นเดียวกับ ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วพู และถั่วฝักยาวและถั่วเขียวยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกเช่น ถั่วจิม (เชียงใหม่), ถั่วมุม (ภาคเหนือ), ถั่วเขียว ถั่วทอง (ภาคกลาง) เป็นต้น  สรรพคุณของถั่วเขียว  โพแทสเซียมช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรงมีสารต้านเอนไซม์โปรตีเอสในปริมาณสูง เป็นสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็งช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันและรักษาไข้หวัดอุดมไปด้วยแมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยผลิตโปรตีน และกาดหดตัวข้องกล้ามเนื้อ ลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำหนักได้ เพราะถั่วเขียวมีส่วนประกอบของไขมันที่ต่ำมาก ไม่มีคอเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนกับเส้นใยอาหารช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจช่วยบำรุงสายตา ทำให้ตาสว่าง และรักษาตาอักเสบ ฯลฯ 
ถั่วแดงหลวง หรือ ถั่วแดง  (Kidney bean, Red Kidney bean)  เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จประพาสต้นบนดอยเมื่อปี พ.ศ.2512 พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นการปลูกฝิ่นของชาวเขา จึงมีรับสั่งให้หาพืชมาปลูกทดแทน โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัศนี ซึ่งตามเสด็จไปถวายงานได้เสนอว่าควรให้ชาวเขาทดลองปลูก Red Kidney bean หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานพันธุ์แดงที่สั่งซื้อมาจากแคลิฟอร์เนียเพื่อให้ชาวเขาได้ปลูก และปรากฏว่าได้ผลดีมาก ซึ่งแต่เดิมแล้วถั่วแดงนั้นยังไม่ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการในภาษาไทย และมีผู้เสนอให้ตั้งชื่อว่า “ถั่วไตแดง” เพราะมีลักษณะเหมือนไต แต่ก็มีผู้คัดค้านว่าหากตั้งชื่อแบบนี้คนได้ยินอาจจะไม่ซื้อถั่วชนิดนี้ไปกินแน่ และได้มีการเสนอให้ตั้งชื่อว่า “ถั่วแดง” เพราะเป็นถั่วที่มีสีแดง และก็มีผู้แย้งว่าถั่วแดง จะแดงเฉยๆ ไม่ได้ ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่า เมล็ดถั่วชนิดนี้มันมีขนาดใหญ่ คำว่าใหญ่นั้นทางเหนือจะเรียกว่า “หลวง” เลยได้ข้อสรุปว่าควรใช้ชื่อว่า “ถั่วแดงหลวง” เพราะยังมีความหมายอีกอย่างก็คือ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพันธุ์มา จึงใช้ชื่อนี้เรียกอย่างเป็นทางการ แต่ปัจจุบันเรามักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า “ถั่วแดง  
ถั่วดำ (Vigna mungo, Black gram, Black lentil, มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ เช่น ถั่วนา ถั่วไร่ ถั่วมะแป ถั่วซั่ง มะถิม ถั่วเขียวผิวดำ ถั่วแขกเป็นต้น  ถั่วดำมีรสหวาน สรรพคุณช่วยบำรุงโลหิต บำรุงสายตา ขจัดพิษในร่างกาย ขับเหงื่อ แก้อาการร้อนใน มีสารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดลำไส้เล็ก ขับลมในกระเพาะ ขับของเหลวในร่างกาย บำรุงไต ป้องกันไตเสื่อมแก้อาการบวมน้ำอาการเหน็บชา ปวดเอว  ฯลฯ
ถั่วลิสง (Peanut, Groundnut, Earthnut, Goober, Pindar) มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ เช่น ถั่วคุด (ประจวบคีรีขันธ์), ถั่วดิน (ภาคเหนือ, ภาคอีสาน), ถั่วยิสง ถั่วยี่สง ถั่วลิง (ภาคกลาง), ถั่วใต้ดิน (ภาคใต้), เหลาะฮวยแซ (จีน-แต้จิ๋ว), ถั่วยาสง (หนังสืออักขราภิธานศรับท์ของหมอปรัดเล) เป็นต้น สรรพคุณ ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยในการเจริญเติบโต บำรุงสมองและประสาทตา เสริมสร้างความจำ และยังมีโคลีนที่ช่วยควบคุมความจำอีกด้วย ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และช่วยให้ความอบอุ่นแก่ผิวกาย ลดความดันโลหิตสูง มีสารต้านเอนไซม์โปรติเอส มีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็ง และมีจีเนสเตอิน ซึ่งทำเส้นเลือดไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งตีบลง ป้องกันโรคหัวใจ เนื่องจากมีสารที่ช่วยลดปริมาณของไขมันร้าย (LDL) จึงช่วยลดความเสี่ยงของภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดและภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตจากโรคหัวได้ถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทาน  กินถั่วลิสงจะอ้วนไหม ? ปกติแล้วการรับประทานถั่วจะช่วยลดน้ำหนักและความอ้วน เพราะมีไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งทำให้อิ่มท้องนาน ทำให้อาหารทานได้น้อยลง และยังช่วยยับยั้งไขมันเลวที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย ด้วยการรับประทานแบบดิบๆ หรือนำมาต้ม แต่ถ้าหากเป็นถั่วคั่ว ถั่วทอด ถั่วอบ มันผ่านความร้อนและน้ำมัน ทำให้ไขมันไม่อิ่มตัวที่มีในถั่วลิสงหายไป หากรับประทานมากๆ ก็ทำให้อ้วนได้  ทั้งนี้ หากรับประทานแต่พอประมาณก็ไม่อ้วนแน่นอน และมีคำแนะนำว่าไม่ควรรับประทานเกิน 1 กำมือถั่วลิสงอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นตัวช่วยลดระดับความดันโลหิต ระดับไขมันในเลือด และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย  ฯลฯ 
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   

  

 

 

 

 

 

 

 

 

Visitors: 72,510